Google กำลังเปลี่ยนแปลงวงการสุขภาพด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดีขึ้น ผ่านแนวคิดที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล และสนับสนุนการค้นพบทางวิทยาศาสตร์เพื่อรักษาโรคที่รักษายาก รวมถึงการนำความสุขกลับคืนสู่การแพทย์

เสาหลัก 4 ประการของ Google ในการเปลี่ยนแปลงสุขภาพโลก
Google วางรากฐานการทำงานในวงการสุขภาพไว้ 4 ด้านหลัก ซึ่งช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมและแก้ไขปัญหาใหญ่ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. นำ AI ขั้นสูงที่สุดมาใช้ในวงการสุขภาพ
Google ลงทุนใน AI มาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี จนได้ระบบที่ก้าวล้ำอย่าง AlphaFold和 โมเดลพื้นฐาน Gemini ที่เปิดโอกาสใหม่ๆ ในการรักษาโรคและค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์
AlphaFold คือระบบ AI ที่สามารถทำนายโครงสร้างของโปรตีนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจโรคและพัฒนายาใหม่ๆ นวัตกรรมนี้ทำให้ทีม Google DeepMind อย่าง Demis Hassabis และ John Jumper ได้รับรางวัลโนเบล

ในขณะเดียวกัน โมเดล Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติ-โมดอล (multimodal) ที่สามารถประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบพร้อมกัน เช่น ข้อความ ภาพ และเสียง รวมถึงมีความสามารถในการให้เหตุผล (reasoning) ทำให้เหมาะสำหรับแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในวงการสุขภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ Google กำลังเข้าสู่ยุค “代理 AI ” ซึ่งหมายถึง AI ที่สามารถวางแผนและดำเนินการแทนมนุษย์ได้ ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้ ทำให้ AI กลายเป็นพันธมิตรที่ช่วยงานในห้องวิจัยหรือข้างเตียงคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. พบผู้คนที่จุดที่เขาอยู่ (Meeting People Where They Are)
Google ให้ความสำคัญกับการมอบข้อมูลและความรู้ที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน หรือสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ตัวอย่างหนึ่งคือความร่วมมือกับ eCare ในอินเดีย ที่ช่วยให้ประชากรกว่า 600 ล้านคนสามารถเก็บบัตรประจำตัวสุขภาพไว้ใน Google Wallet บนมือถือ Android ของพวกเขาได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย ซึ่งทำให้สามารถดูประวัติการรับวัคซีนหรือจองนัดตรวจสุขภาพประจำปีได้ง่ายขึ้น

ในด้านการดูแลฉุกเฉิน Google ยังได้พัฒนาฟีเจอร์บน Pixel Watch 3 ที่สามารถตรวจจับการสูญเสียการเต้นของหัวใจ และโทรขอความช่วยเหลือฉุกเฉินแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดและสามารถช่วยชีวิตได้จริง

3. ปรับเปลี่ยนองค์กรด้านสุขภาพให้ทันสมัย
ทั่วโลกมีปัญหาเหมือนกัน เช่น ขาดแคลนบุคลากรด้านสุขภาพ ค่าใช้จ่ายสูง และข้อมูลล้นมือเกินกว่าจะจัดการได้ถูกต้อง ซึ่งปัญหาเหล่านี้เหมาะกับการแก้ไขด้วย AI รุ่นใหม่ที่เรียกว่า 生成式 AI
ตัวอย่างที่น่าประทับใจคือ HCA Healthcare ในสหรัฐฯ ที่ใช้โมเดล Gemini สร้างระบบช่วยงานส่งต่อผู้ป่วยระหว่างพยาบาล ทำให้พยาบาลมีเวลาดูแลคนไข้มากขึ้นและลดเวลาที่ต้องใช้กับงานเอกสาร ระบบนี้เริ่มใช้งานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งและตอนนี้กำลังขยายไปยังอีก 10 แห่ง เพิ่มจำนวนเตียงจาก 40 เป็น 1,000 เตียง

ในอินเดีย Manipal Hospitals ก็ประสบความสำเร็จลดเวลาการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยจากเดิม 1.5 ชั่วโมง เหลือเพียง 20 นาทีเท่านั้น
อีกตัวอย่างคือ Servi ในฝรั่งเศส ที่นำ AI ของ Google มาใช้ในกระบวนการค้นคว้ายาใหม่ ช่วยลดเวลาในการทดลองจากหนึ่งสัปดาห์เหลือเพียงหนึ่งวัน และลดต้นทุนลงถึง 90%
4. สร้างระบบนิเวศสุขภาพที่เข้มแข็ง
Google ไม่เพียงแต่พัฒนา AI เท่านั้น แต่ยังให้เครื่องมือและแพลตฟอร์ม เช่น Android และ Google Cloud แก่พันธมิตรทั่วโลก เพื่อสร้างโซลูชันสุขภาพที่ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะท้องถิ่น
ตัวอย่างเช่น Open Health Stack ที่พัฒนาโดยพันธมิตรในประเทศอูกันดาและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบน Android ที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในชุมชนสามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบออฟไลน์ที่เข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต

นอกจากนี้ยังมีการใช้ AI ร่วมกับข้อมูลสุขภาพประชากร เพื่อวิเคราะห์และค้นหาแนวโน้มสุขภาพในชุมชน เช่น การเปลี่ยนแปลงคุณภาพอากาศ หรือการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ เพื่อให้หน่วยงานสุขภาพสามารถวางแผนและตอบสนองได้อย่างทันท่วงที
Telus Health ในแคนาดากำลังร่วมมือกับ Google ใช้โมเดลวิจัยเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลทางการแพทย์ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อหาแนวทางป้องกันและดูแลลูกค้าอย่างเหมาะสม

คำอธิบายศัพท์เทคนิค
- AlphaFold: ระบบ AI ที่ทำนายโครงสร้างสามมิติของโปรตีนจากลำดับกรดอะมิโน ซึ่งช่วยให้นักวิจัยเข้าใจการทำงานของโปรตีนและพัฒนายาใหม่ได้เร็วขึ้น
- Multimodal AI: AI ที่สามารถประมวลผลข้อมูลหลายประเภท เช่น ข้อความ รูปภาพ และเสียง พร้อมกัน เพื่อให้เข้าใจข้อมูลได้ลึกซึ้งและครบถ้วน
- 代理 AI: AI ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ เช่น วางแผนและดำเนินการบางอย่าง โดยยังอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้
来自 Insiderly 的结论
การที่ Google นำ AI ขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ในวงการสุขภาพ ไม่เพียงแต่ทำให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพและความแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การค้นคว้าวิจัยและพัฒนายาใหม่ๆ เป็นไปได้รวดเร็วและลดต้นทุนอย่างมาก การให้ความสำคัญกับการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม ช่วยให้ผู้คนดูแลตัวเองได้ดีขึ้น และในเรื่องของการแก้ไขปัญหาองค์กรสุขภาพทั่วโลก AI ช่วยลดภาระงานของบุคลากรและเพิ่มเวลาที่ใช้ดูแลคนไข้โดยตรง
การสร้างระบบนิเวศสุขภาพที่รวมแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่เปิดกว้าง ทำให้พันธมิตรทั่วโลกสามารถพัฒนาโซลูชันที่เหมาะสมกับบริบทเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ด้วยความก้าวหน้าของ 生成式 AI และเทคโนโลยี AI อื่นๆ Google กำลังก้าวสู่อนาคตที่ทุกคนทั่วโลกจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง โดยมี AI เป็นพันธมิตรที่ช่วยเหลือและสนับสนุนทั้งผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และนักวิจัย
นี่คือภาพรวมของวิสัยทัศน์ที่ Google มุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เพื่อสร้างโลกที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดในแบบที่ตอบโจทย์ชีวิตของตนเองได้อย่างแท้จริง