โลกของการสื่อสารกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะ 自 ที่กำลังปฏิวัติวิธีที่เราสื่อสารและแลกเปลี่ยนความรู้ในยุคดิจิทัลนี้ วิคเตอร์ ริปาร์เบลลี ผู้ก่อตั้ง Synthesia บริษัทสตาร์ทอัพที่ใช้ AI สร้างวิดีโอ ได้สะท้อนมุมมองที่ท้าทายว่า “ลูกหลานของเราจะเป็นคนรุ่นสุดท้ายที่อ่านและเขียน” ข้อความนี้อาจฟังดูแปลกประหลาด แต่เมื่อพิจารณาถึงวิวัฒนาการของการสื่อสารและเทคโนโลยี AI ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่าอนาคตของการสื่อสารจะเป็นอย่างไร
วิวัฒนาการของการสื่อสารจากอดีตสู่ปัจจุบัน
มนุษย์เริ่มต้นสื่อสารด้วยการพูดและถ่ายทอดเรื่องราวแบบปากเปล่า ก่อนจะพัฒนาระบบตัวอักษรขึ้นมาในยุคก่อนคริสตกาลประมาณ 1500 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยอักษรตัวแรกถูกคิดค้นขึ้นเพื่อลดความซับซ้อนของระบบเขียนที่ยุ่งยากในสมัยก่อน จากนั้นในปี ค.ศ. 1440 โยฮันน์ กูเทนแบร์ก ได้ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์แบบกด ทำให้การเผยแพร่ข้อความเป็นไปอย่างรวดเร็วและแพร่หลายมากขึ้น จนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 20 การอ่านเขียนจึงกลายเป็นทักษะพื้นฐานของคนทั่วไป
แต่ถึงอย่างนั้น “ข้อความ” หรือ “ตัวหนังสือ” ก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่มีข้อจำกัดสำคัญ คือเป็นวิธีการบีบอัดข้อมูลที่สูญเสียรายละเอียดไปมากเมื่อเทียบกับการสื่อสารด้วยเสียง น้ำเสียง หรือท่าทางที่แสดงอารมณ์ ความรู้สึก และบริบทอื่น ๆ ที่ช่วยให้ข้อความมีความหมายลึกซึ้งขึ้น
ข้อจำกัดของข้อความและการเปลี่ยนผ่านสู่สื่อที่หลากหลาย
ข้อความเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงความคิด แต่การตีความอาจแตกต่างกันอย่างมากตามแต่ละคน เช่น ข้อความสั้น ๆ อาจถูกเข้าใจว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายก็ได้ ขณะที่เราได้พัฒนาอิโมจิขึ้นมาเพื่อช่วยถ่ายทอดอารมณ์ แต่ก็ยังไม่สามารถแทนที่ความซับซ้อนและความลึกซึ้งของการสื่อสารด้วยเสียงและภาพได้
การสื่อสารด้วยภาพเป็นวิธีที่เข้าใจง่ายและรวดเร็วกว่า เช่น การดูรูปภาพใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการรับรู้ ในขณะที่การอ่านคำบรรยายภาพต้องใช้เวลานานและต้องจินตนาการขึ้นมาเอง ซึ่งบางครั้งก็แตกต่างจากภาพจริงที่เห็น การเพิ่มมิติของเวลาในวิดีโอทำให้การสื่อสารมีความสมบูรณ์และลึกซึ้งมากขึ้นอีกด้วย

AI กับการปฏิวัติรูปแบบการสื่อสารและการสร้างเนื้อหา
ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยี 自 กำลังเปลี่ยนสมการระหว่างความเร็วและคุณภาพของเนื้อหา จากเดิมที่เราต้องเลือกว่าจะใช้ข้อความที่รวดเร็วและขยายสเกลได้มาก หรือวิดีโอที่มีความแม่นยำและน่าสนใจ แต่มีต้นทุนสูง AI ช่วยให้เราสร้างวิดีโอที่มีความสมจริงสูงได้อย่างรวดเร็วและในต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Synthesia ซึ่งใช้ 自 สร้างอวตารดิจิทัลที่ดูและฟังเหมือนมนุษย์จริง ๆ สามารถสื่อสารได้หลายภาษาและใช้ในหลายบริบท เช่น การสอนหนังสือ การอบรมพนักงาน หรือการให้คำแนะนำด้านสุขภาพ โดยอวตารเหล่านี้จะมีความสมจริงจนยากจะแยกจากคนจริงได้ในไม่ช้า

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้และการบริโภคสื่อ
พฤติกรรมการบริโภคข้อมูลของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คนส่วนใหญ่เลือกเรียนรู้ผ่านวิดีโอหรือเสียงมากกว่าการอ่านหนังสือยาว ๆ เพราะรู้สึกว่าสะดวกและเข้าใจง่ายกว่า การศึกษาที่ทำร่วมกับ UCL พบว่า 77% ของผู้เข้าร่วมทดลองชอบเรียนรู้ผ่านวิดีโอ 自 มากกว่าข้อความ
แม้จะมีความรู้สึกผิดว่าการดูวิดีโอหรือฟังพอดแคสต์นั้นด้อยค่ากว่าการอ่านหนังสือ แต่ความจริงแล้ว สื่อที่หลากหลายและกระชับกว่าอาจช่วยให้เรารับข้อมูลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยี AI ช่วยให้การสร้างเนื้อหานั้นง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

อนาคตของสื่อและการสื่อสาร: จากข้อความสู่โลกเสมือนจริง
AI ไม่เพียงแค่ช่วยสร้างเนื้อหาแบบเดิม ๆ ด้วยวิธีใหม่ แต่ยังเปิดทางไปสู่สื่อรูปแบบใหม่ที่โต้ตอบได้และปรับแต่งได้ตามผู้ใช้ เช่น ผู้ช่วยสอนดนตรีที่รู้ระดับความสามารถและรสนิยมของผู้เรียน หรือซีรีส์ที่ไม่มีวันจบและเปลี่ยนแปลงตามการตอบสนองของผู้ชม
เมื่อรวมกับเทคโนโลยี AR, VR和 Brain-Computer Interface (BCI) การสื่อสารจะกลายเป็นประสบการณ์ที่เสมือนจริงมากขึ้น อาจถึงขั้นส่งข้อความถึงกันด้วยความคิด หรือรับชมวิดีโอ AI ที่เป็นอวตารของคนรู้จักในชีวิตประจำวันแทนข้อความตัวอักษร

คำถามเชิงจริยธรรมและสังคมในยุค AI
เทคโนโลยี AI สร้างประเด็นที่ต้องถกเถียงมากมาย ตั้งแต่ความจริงใจของเนื้อหา ไปจนถึงความเชื่อมั่นในตัว AI ที่ทำหน้าที่แทนมนุษย์ เช่น เราจะยังสนใจหรือไว้วางใจการสื่อสารที่สร้างโดย AI หรือไม่? เราจะรับมือกับความแตกต่างระหว่างตัวละครสมมุติและคนจริงได้อย่างไร? และเมื่อ AI สามารถสร้างภาพยนตร์หรือโฆษณาที่สมจริงมาก ๆ จะมีผลกระทบอย่างไรต่อวงการบันเทิงและสังคม?
คำถามเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เกี่ยวข้องกับคุณค่าและวิธีที่เราจะใช้เทคโนโลยีในอนาคตอย่างมีสติและรับผิดชอบ
来自 Insiderly 的结论
เทคโนโลยี AI กำลังปฏิวัติรูปแบบการสื่อสารและการสร้างเนื้อหาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยการเปลี่ยนผ่านจากข้อความที่เป็นสัญลักษณ์สู่วิดีโอและสื่อเสมือนจริงที่โต้ตอบได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและลึกซึ้ง อนาคตที่เราจะไม่ต้องอ่านและเขียนเหมือนในปัจจุบันอาจเป็นจริงได้ในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้หมายความว่าความรักในการอ่านจะหายไป แต่เป็นการเปิดโอกาสให้เรามีทางเลือกในการเรียนรู้และสื่อสารที่หลากหลายและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากขึ้น AI จะช่วยลดอุปสรรคด้านทักษะและต้นทุนในการสร้างสื่อ ทำให้ทุกคนสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์เนื้อหาในรูปแบบที่เข้าถึงง่ายและน่าสนใจ
สิ่งสำคัญคือการตั้งคำถามและอภิปรายถึงผลกระทบทางจริยธรรม สังคม และวัฒนธรรม เพื่อให้เทคโนโลยีนี้ถูกใช้อย่างสร้างสรรค์และนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เรามีโอกาสที่จะร่วมกันกำหนดเส้นทางของการสื่อสารในยุค AI ที่จะไม่เพียงแค่เปลี่ยนวิธีการสื่อสาร แต่ยังเปลี่ยนวิธีที่เรารับรู้และเข้าใจโลกใบนี้

ศัพท์เทคนิค (Jargon) ที่ควรรู้
- AI(人工智能): ปัญญาประดิษฐ์ คือเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้และตัดสินใจได้เหมือนมนุษย์
- Neural Networks: ระบบการเรียนรู้ของ AI ที่เลียนแบบโครงสร้างสมองมนุษย์ เพื่อวิเคราะห์และสร้างข้อมูลใหม่
- Avatar: ตัวแทนดิจิทัลของมนุษย์ที่สร้างขึ้นด้วย AI เพื่อสื่อสารและโต้ตอบกับผู้ใช้
- Photorealistic: ภาพหรือวิดีโอที่มีความสมจริงเหมือนภาพถ่ายจริง
- Brain-Computer Interface (BCI): เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคอมพิวเตอร์เพื่อสื่อสารโดยตรงผ่านความคิด